Pages

Wednesday 29 August 2012

Tsurutontan TOP CHEFS (つるとんたん TOPCHEFS)

พีเป็นแฟนคลับของบลอกเกอร์ที่อยู่ญี่ปุ่นอยู่หลายคน หนึ่งในนั้นคือ คุณ Kat จาก Our Adventures in Japan คุณ Kat เธออาศัยกับคุณสามีชาวญี่ปุ่นอยู่ที่โอซาก้า ทริปนี้ของกินหลายๆอย่างพีก็เลยได้อานิสงส์จากการแนะนำของอร่อยของคุณ Kat นี่เอง และร้านอุด้งTsurutontan TOP CHEFS ก็เป็นหนึ่งในลิสต์ที่พีจดมาจากบล๊อกของคุณ Kat

ร้านนี้อาจจะดูธรรมดา เพราะมันตั้งอยู่ในห้างไดมารุ เค้าว่าของอร่อยมันต้องไปอยู่แบบเป็นร้านสแตนด์ อโลน แต่พีขอนำเสนอร้านนี้ไว้เป็นทางเลือกสำหรับคนที่มาเดินเที่ยวในย่านอุเมดะ แล้วไม่รู้จะกินอะไรดี ยิ่งหน้าร้อนเนี่ย ได้หลบร้อนเดินห้างมันช่างแสนสบายเหลือเกิน ร้านตั้งอยู่ชั้น B2F ของห้างร้านอยู่ติดกับบันไดเลื่อนเลย จุดเด่นของร้านนี้คือเคาท์เตอร์สีขาว ดูสะอาดตา นั่งตรงไหนก็รู้สึกดูสว่าง โปร่งไปหมด

แน่นอนว่ามาคนเดียวอย่างพี ต้องนั่งเคาท์เตอร์ติดเชฟทำอาหารแน่นอน ชอบร้านที่ญี่ปุ่นอยู่อย่างนึงคือ การมีครัวแบบโอเพ่น มันทำให้เห็นว่า หลังร้านเค้าทำกันยังไง เรียกน้ำย่อยได้ดีจัง

วันนั้นเพิ่งเดินกลับมาจาก Umeda Floating Garden ร้อนมากๆ ได้เบียร์เย็นๆสักแก้วนี่มันชื่นใจจริงๆ (แต่ขอสารภาพว่า หมดแก้วแล้วแอบมึน ไม่รู้คออ่อนหรือกินเบียร์ไปตอนท้องว่าง ยังดีที่กลับโรงแรมไหวนะเนี่ย)

เลือกอยู่นาน พีตัดสินใจเลือกเมนูพิเศษของหน้าร้อน ซึ่งคืออุด้งเย็นหน้าเนื้อโกเบ (จำชื่อญี่ปุ่นไม่ได้ซะแล้ว) ดูมันเหมือนน้อย แต่ขอบอกว่าเยอะมากอยู่นะคะ เค้าลวกเส้นมาดี ไม่นิ่มจนเละ ผักก็สด กรอบอร่อย เนื้อโกเบที่แล่บางๆลวกพอสุกยังเห็นอยู่เลยว่ามีสีแดง อร่อยละลายในปากมาก ส่วนสำคัญที่สุดที่พีชอบมาคือ ซอสงาที่ราดตัวอุด้ง มันกลมกล่อม อร่อยมากๆ ไม่ผิดหวังเลย

นอกจากอุด้งแบบเย็น ร้านนี้ยังมีอุด้งแกงกะหรี่ และอุด้งสไตล์ฟิวชั่นด้วย อย่างอุด้งคาโบนาร่า ฟังดูแล้วอยากไปกินอีกจะได้รู้ว่าอร่อยแค่ไหน

Tsurutontan TOP CHEFS (つるとんたん TOPCHEFS)
B2F Daimaru Umeda
website: http://www.tsurutontan.co.jp/umeda/



View Larger Map

Tuesday 28 August 2012

Dimdim Sum Dimsum Specialty Store 點點心點心專門店

สวัสดีค่ะ วันนี้พิมมิยะแวะมาชวนไปทานร้านติ่มซำอร่อยๆที่ฮ่องกงกันนะคะ แค่แว่บแรกที่เห็นชื่อร้านนี้ในบล็อกของคนฮ่องกง พิมมิยะก็มุ่งมั่นที่จะไปชิมให้ได้ เพราะชื่อร้านโดนใจมากค่ะ :D

ร้านนี้มีชื่อว่า Dimdim Sum Dimsum Specialty Store ตอนนี้มี 3 สาขาด้วยกัน (ข้อมูล ณ เดือนสิงหาคม 2012) พิมมิยะเลือกไปที่สาขา Mong Kok เพราะแวะไปดูของละแวกนั้นพอดี

วันนั้นคนอื่นๆที่ไปด้วยกันไม่ว่าง นาโอะก็ไปเที่ยวมาเก๊า แต่พิมมิยะมีธุระที่ฮ่องกงตอนบ่าย เลยต้องโต๋เต๋อยู่แถวนั้น สุดท้ายมื้อเที่ยงเลยได้ไปทานติ่มซำคนเดียว T^T

ร้านนี้ได้รับเลือกจากนิตยสาร Time Out Hong Kong ให้เป็นร้านติ่มซำยอดเยี่ยมประจำปี 2011 ซะด้วย (เชิญอ่านได้ที่นี่) สำหรับเมนูเด็ดๆก็ตามรูปเลยนะคะ เวลาสั่งเค้าจะมีกระดาษมาให้เราติ๊กลงไป ใครอ่านภาษาจีนไม่ออกก็อย่าได้กังวล เพราะสามารถขอใบสั่งเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้ค่ะ

เนื่องจากพิมมิยะแอบหนีไปทานคนเดียว เลยสั่งได้แค่ไม่กี่อย่าง แงๆ

เป็นที่แน่นอนว่าต้องไม่พลาดเมนูโปรดอย่างฮะเก๋า Har Gow (HK$ 24) เพราะก่อนไปพิมมิยะก็พร่ำเพ้อถึงกุ้งเด้งๆอยู่หลายอาทิตย์ ได้หม่ำสมใจล่ะค่ะงานนี้ อิอิ

น้องกุ้งมากันเป็นตัวๆ สุดยอดม้ากกกค่ะ กุ้งสดๆ เนื้อหวานๆ เด้งดึ๋งๆในปาก

ขนมจีบ Siu Mai (HK$ 20) เข่งนี้ก็อร่อยมากเช่นกันค่ะ แบบว่า texture ของขนมจีบกำลังพอดีเลย ไม่กระด้างหรือมันจนเกินไป ส่วนด้านบนก็โรยหน้าด้วยไข่ปูพอหอมปากหอมคอ

เมนูนี้ค่อยดูแปลกตาจากของร้านอื่นหน่อย ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้งทอด Crispy rice roll with shrimp (HK$ 24) อีกหนึ่งเมนูแนะนำของทางร้าน

ด้านในเป็นไส้กุ้งห่อแป้งทอด สอดแทรกด้วยผักนิดหน่อย แต่จำไม่ได้ว่าเป็นผักชีหรืออะไรกันแน่นะคะ พิมมิยะความจำเลอะเลือนซะแล้ว เหอๆ ส่วนแป้งด้านนอกก็เนียนนุ่ม ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ เวลาทานก็จิ้มกับซีอิ๊ว จานนี้ก็อร่อยแปลกไปอีกแบบ แต่ทานคนเดียวได้แค่ครึ่งจานก็เลี่ยนแล้วแหละค่า อยากหนีไปทานคนเดียวก็อย่างงี้แหละน้า ^^"

เสียดายเหมือนกันที่วันนั้นไม่ได้ลอง Pineapple bun ของดังอีกอย่างของร้านเค้า เหลือบเห็นโต๊ะข้างๆสั่งมาทานเป็นของหวาน หน้าตาดูน่าหม่ำมิใช่น้อย แต่ตอนนั้นอิ่มพุงปริไปแล้วค่ะ เลยไม่ได้สั่ง

สรุปว่าร้านนี้ถูกใจพิมมิยะอย่างแรง เพราะของเค้าอร่อยสมคำนิยม ราคาก็ไม่แพงมาก เมื่อเทียบกับร้านติ่มซำดังๆ แถมยังมีโปรโมชั่นลด 20% ช่วงบ่าย 2 โมงครึ่ง ถึง 6 โมงเย็นของวันธรรมดาอีกด้วยค่ะ ดีจัง คราวหน้าไม่พลาดแน่ แต่ขอควงคนอื่นไปทานด้วยนะค้า~ ให้ไปคนเดียวไม่เอาแล้ว เพราะจุก!! :D

Dimdim Sum Dimsum Specialty Store Mong Kok
112 Tung Choi Street, Mong Kok, Hong Kong






ピム宮 ~ pimmiya

Friday 24 August 2012

Ming Kee Live Seafood

สวัสดีค่า วันนี้พิมมิยะขอแนะนำร้านอาหารทะเลคุณภาพดีที่ประเทศใกล้บ้านบ้างนะคะ Ming Kee Live Seafood (หมิง-จี่ -- พนักงานอ่านชื่อร้านว่าอย่างนี้ค่ะ) หนึ่งในร้านซีฟู้ดชื่อดังของสิงคโปร์ ที่มีบรรดาเซเลบของประเทศเค้าเป็นลูกค้าขาประจำกันเต็มไปหมด

นั่ง Circle Line (สายสีเหลือง) ไปลงที่สถานี MRT Tai Seng พอออกจากสถานีจะเห็นป้ายแบบนี้ ก็เลี้ยวขวาออกจากสถานีเลยค่ะ


เดินตรงไปจะเห็นสี่แยก แล้วเลี้ยวขวาเข้า MacPherson Road เดินตรงต่อไปเรื่อยๆจะเห็น MacPherson Green Condo อยู่ทางซ้ายมือ ร้านอยู่ฝั่งเดียวกับคอนโดนี้เลย

เดินผ่านหน้าคอนโดไปไม่ไกลมาก็เจอร้านแล้ว ถ้าโทร.มาจองล่วงหน้าก็มักจะได้ที่นั่งในห้องแอร์ด้านใน ถ้ามาสาย แถมไม่ได้จองไว้ ก็นั่งรับลมร้อนข้างนอกกันไปนะคะ แต่วันนั้นพิมมิยะกับที่บ้านไปกันตั้งแต่ร้านเปิด เลยได้นั่งข้างใน อิอิ

ออร์เดิร์ฟมาเสิร์ฟก่อนใครเพื่อน ขอบอกว่า 2 อย่างนี้อร่อยม้ากกกกค่ะ คุณแม่ชอบสับปะรดสุดๆ ส่วนพิมมิยะปลื้มถั่วมากกว่า รสชาติกำลังดี แต่ไม่ฟรีนะคะ อะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ค่าถั่ว 2 เหรียญ ส่วนแตงกวากับสับปะรดดองอีก 1 เหรียญ แล้วก็ค่าผ้าปูโต๊ะอีก 4 เหรียญ เหอๆ

เครื่องดื่มของพิมมิยะมาแล้ว เป็นน้ำทุเรียนเทศ (Soursop) ราคา 3 เหรียญ เปรี้ยวหวานกำลังดีค่ะ แต่เคยทานที่ร้านใน Hawker อร่อยกว่านี้นะคะ

พนักงานเชียร์เมนูนี้ขาดใจ เลยสั่งมาลอง เป็นหอยชื่อ Lala clam นำเข้าจากออสเตรเลีย อารมณ์สายพันธุ์เดียวกะหอยลาย เอามานึ่งซีอิ๊วกับกระเทียม สด หวาน อร่อยมากค่ะ แต่ราคาไม่ธรรมดาเลย SGD 40$/kg รวมแล้วจานนี้ก็ 40 เหรียญ พอดีเป๊ะ


อีกเมนูที่คุณพนักงานแนะนำ Triple Cooked Bee Hoon crab ปูจากศรีลังกาผัดกับเส้นหมี่ที่คนจีนเรียกบี๋ฮุ่ง (อันนี้คุณแม่บอก) ตัวเส้นหมี่พิมมิยะว่าเฉยๆนะคะ แต่ปูนี่สิอร่อยมั่กๆ เนื้อแน่น หวาน แต่พอดีวันนั้นปูตัวใหญ่หมด เราเลยได้ปูตัวเล็กมาแทน ขนาดใหญ่กว่าปูม้าบ้านเราหน่อยนึง ราคาก็คิดตามน้ำหนักค่ะ SGD 48$/kg สิริรวมแล้วจานนี้ก็ 72 เหรียญ


Guinness pork อีกหนึ่งจานเด็ดที่บรรดาฟู้ดบล็อกเกอร์ชาวสิงคโปร์เค้าว่ากันว่าที่นี่เป็นหนึ่งในร้านที่ทำเมนูนี้ได้อร่อยที่สุดในเกาะ ที่สั่งมาเป็นแค่จานเล็ก 12 เหรียญ ทางร้านเอาสันคอหมูมาหมักกับ Stout beer แล้วเอาไปทอด รสชาติออกหวานๆ หอมกล่ินเบียร์ แต่พิมมิยะว่าถ้าหมูนุ่มกว่านี้จะเริ่ดมาก มันแข็งไปหน่อยอะค่ะ เจ็บเหงือก -_-

ส่วนจานนี้พิมมิยะยกให้เป็นที่สุดของมื้อนั้นแล้วค่ะ Butter lobster ซึ่งวันนั้นก็มีแต่ Baby lobster ก็เลยได้ทานแบบตัวเล็กแทน 4 ตัว 51 เหรียญ (SGD 85$/kg) อร่อยมากค่ะ เนื้อหวาน สด เด้งในปาก ทานพร้อมกับเนยกระเทียมที่ทางร้านปรุงมาได้ดีมาก แค่เห็นรูปก็น้ำลายไหลแล้ว ในบรรดาอาหารทะเลทุกชนิด พิมมิยะชอบลอบสเตอร์มากที่สุดเลย อยากกินอีกกกกก <3



เนื่องจากจัดเต็มไปหลายจาน เลยสั่งผักมาดักจับคอเลสเตอรอลพอเป็นพิธี Poached baby cabbage with assorted eggs (จานเล็ก SGD 10$) ผักไต้หวันผัดสามไข่ -- ไข่ต้ม ไข่เค็ม และไข่เยี่ยวม้า จานนี้ก็ออกแนวจืดๆ สไตล์ผัดผักแบบจีน สรุปว่าก็ไม่ได้ดักคอเลสเตอรอลอะไรหรอกค่ะ เพราะว่าไข่ก็ปาไปครึ่งจานแล้ว ^^"
มื้อนั้นก็อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า ค่าเสียหายสำหรับ 4 คนก็ 215.05 เหรียญ นับว่าโอเคค่ะ เพราะว่าจัดเต็มกันจริงๆ ฮ่า~

เนื่องจากที่บ้านติดอกติดใจในความสดอร่อย ก่อนจะกลับไทยเราเลยแวะไปจัดซ้ำอีกซักมื้อ (ลาภปากพิมมิยะอีกละ อิอิ) :D

เมื่อมาถึงสิงคโปร์ก็ไม่ควรพลาดเมนูนี้ (ไปก็หลายครั้งแล้ว แต่พิมมิยะเพิ่งจะได้ชิมเป็นครั้งแรกค่ะ เหอๆ) Chilli crab ปูผัดพริก 57.60 เหรียญ (SGD 48$/kg) ติที่เค็มเกิน ไม่ปลื้มค่ะ ไม่รู้ว่าร้านอื่นทำได้อร่อยกว่าร้านนี้รึเปล่า


แน่นอนว่าต้องสั่งจานนี้มาหม่ำคู่กับน้องปู Deep fried mini buns (SGD 3$) รสชาติแบบซาลาเปาทอดนี่เอง รสหวานของซาลาเปาตัดรสเค็มจากน้ำผัดปูได้ดีค่ะ จานนี้มี 6 ชิ้น คุณน้องสาวจัดการคนเดียวไปซะ 3 อิอิ (ไหนบอกจะไดเอท)

ของโปรดของพิมมิยะมาอีกแล้วค่ะ Steamed baby lobster with shredded ginger & chilli จานนี้ก็ 4 ตัว 63.75 เหรียญ (SGD 85$/kg) แต่คุณภาพสมราคาจริงๆ

ไฮไลท์ของมื้อนั้นอยู่ที่จานนี้ค่ะ Steamed bamboo clam with butter garlic จัดมาคนละตัว (SGD 65$/kg) 4 ตัวก็ 65 เหรียญพอดิบพอดี จานนี้อร่อยมากถึงมากที่สุดค่ะ เคยทานหอยแบบนี้ที่ฮ่องกงแต่ก็ไม่อร่อยเท่าร้านนี้ หอยสด กรุบกรอบพอประมาณ เนื้อหวานๆ เข้ากั๊นเข้ากันกับเนยกระเทียม อยากทานอีกแล้วน้า~

และก็มาถึงจานสุดท้าย ปลาเก๋านึ่งซีอิ๊ว 68 เหรียญ (SGD 85$/kg) แอบแพงไปหน่อย แต่ปลาสดมาก เนื้อขาว หวาน เด้ง ส่วนซีอี๊วก็รสชาติกำลังดี ไม่เค็มหรือหวานมากจนเกินไป แต่ในบ้านเราก็หาแบบนี้ทานได้ไม่ยาก แถมราคายังถูกกว่าแยะเลยนะคะ

รอบหลังนี่แพงกว่ารอบแรกอยู่พอสมควรค่ะ ปาเข้าไป 289.80 เหรียญ สงสัยแพงเพราะปลาเก๋าแหงๆ ^^"

ใครที่เป็นแฟนคลับอาหารทะเลอย่างครอบครัวของพิมมิยะก็อย่าลืมหาโอกาสไปทดสอบกันนะคะ แนะนำจากใจเลยค่า :D

Ming Kee Live Seafood
556 MacPherson Road, Singapore






ピム宮 ~ pimmiya

Sunday 12 August 2012

Jiyuken 自由軒

วันนี้พีจะพาหลบบรรยากาศหน้าฝนไปตากแดดสไตล์ซัมเมอร์ที่โอซาก้า

คนไปโอซาก้ายิ่งแถว Dotonbori คงจะนึกถึงโอโคโนมิยากิ หรือทาโกะยากิ แต่วันนี้พีขอแหวกแนว พาไปกินข้าวแกงกะหรี่สไตล์โอซาก้าที่ต้องบอกว่า ถ้าไม่ชอบก็คงกินไม่ไหวเลย

ร้านนี้ชื่อร้าน Jiyuken 自由軒 อยู่ด้านหลัง Bic camera สาขานัมบะ ร้านหาไม่ยาก ถ้าเดินมาจาก Dotonbori จะต้องข้ามถนน 8 เลนก่อน เดินตรงที่มีหลังคาคลุมเรื่อยๆเลยค่ะ พอเห็นทางขวาเป็นร้านซาลาเปา Horai 551 ให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินมาเรื่อยๆ จะเจอร้านขายรูปดาราไอดอลฝั่งตรงข้าม จริงๆหาไม่ยาก เพราะจะเห็นคิวต่อยาวตลอดเลย ขนาดพีไป 11 โมงกว่า ยังต้องรอคิวเลยค่ะ

ร้านนี้ค่อนข้างเล็ก ต้องทำใจว่าอาจต้องแชร์โต๊ะกับคนอื่น และกินเสร็จแล้วก็ต้องรีบจ่ายเงิน อ่อยอิ่งไม่ได้เพราะคนรอคิวยาว เกรงใจเค้า แต่นั่นก็ทำให้คิววิ่งไปไว ไม่ต้องรอกันนานค่ะ

หลากหลายรายการอาหาร

ร้านนี้อาหารชื่อดังเค้าคือ 名物カレー ซึ่งพีขอสารภาพว่าชื่อที่อ่านออกเสียงจริง พีไม่แน่ใจว่ามันอ่านว่าอะไรกันแน่ เพราะคนญี่ปุ่นก่อนหน้าพีก็อ่านว่า Menbutsu Kare แต่คุณป้าที่ร้านบอก Nama Kare ก็ตามคุณป้าว่าแล้วกันเนอะ เจ้าแกงกะหรี่ที่ว่าคือการเอาข้าวไปคลุก/ผัดกับแกงกะหรี่แล้วเอาไข่ดิบตอกลงไป ไซส์ออริจินอลเนี่ย เค้าจะมีไข่ฟองเดียวค่ะ แต่ด้วยความงกๆเงิ่นๆของพีเลยสั่งเป็น 大カレー (ไดคาเร) หรือข้าวแกงกะหรี่จานใหญ่ เลยได้ไข่ดิบมาสองฟองเลยทีเดียว นี่เป็นที่มาของคำโปรยของพีที่ว่า ถ้าไม่ชอบกินไข่ดิบจริงๆจะกินไม่ได้เลย รสชาติเข้มข้นมากค่ะ คิดว่ากินหมดจานแล้วเหมือนพีมีกลิ่นแกงกะหรี่ผสมกับเหงื่อออกมาเลย ฮ่าฮ่า แต่รสไม่เผ็ดร้อนนะคะ

ถ้าคนกลัวว่ากินแต่ข้าวแกงกะหรี่แค่นี้จะเบื่อ เค้ามีเป็นเซท กินกับหมูทอด หรือเนื้อสเต๊กด้วย ลองดูเมนูหน้าร้านได้ ร้านนี้เหมือนว่าจะลงในไกด์บุ๊คของเกาหลีกับจีนด้วย (นอกจากที่จะเคยออกทีวีของญี่ปุ่นเยอะ รวมทั้ง Maki's Magic Restaurant รายการแนะนำอาหารของฝั่งคันไซที่คนไทยค่อนข้างจะคุ้นเคย) ดังนั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะคุณป้าจะพยายามใช้ภาษาใบ้กับเราจนได้เรื่องค่ะ

Jiyuken 自由軒
นัมบะ โอซาก้า
Website: http://jiyuken.co.jp/index.html



View Larger Map

Monday 6 August 2012

Mirama

และแล้วก็มาถึงร้านสุดท้ายในปารีสที่พิมมิยะจะแนะนำในซีรีย์นี้ค่ะ ร้าน Mirama เป็นภัตตาคารจีนที่มีชื่อเสียงที่นี่พอสมควร ถึงขนาดที่บางคนยกให้เป็นคู่แข่งของ Four Seasons จากลอนดอนเลยทีเดียว (โ้อ้ว..ขนาดน้าน)

หลายคนคงงง ทำไมต้องถ่อไปทานอาหารจีนถึงปารีสด้วยล่ะเธอ (นั่นสิเนอะ) เอาเป็นว่าขอเสนอไว้เป็นทางเลือก เผื่อว่าคุณผู้อ่านจะเกิดอาการเบื่อ เลี่ยน เอียนอาหารฝรั่งตอนอยู่ที่โน่น เหมือนที่พิมมิยะกับเพื่อนๆเป็นมาแล้วก็ละกันนะคะ

ตามสไตล์ร้านอาหารกวางตุ้ง ที่ต้องมีน้องหมู น้องเป็ด ออกมาอวดโฉมเรียกแขกหน้าร้าน

เอนทรี่นี้ขอไม่อารัมภบทเยอะละกัน (จริงอะ ?!) มาดูอาหารกันเลยดีกว่าค่ะ Roast duck (12.60 €) จานนี้แหละค่ะที่ทำให้บางคนถึงขั้นพูดว่า "ถ้าลอนดอนมีโฟร์ซีซั่นส์ ปารีสก็ต้องมีมิราม่า" ประมาณนั้นเลย (แต่พิมมิยะก็ยังว่าสู้โฟร์ซีซั่นส์ไม่ได้) เป็ดเปื่อย น้ำที่ราดมาก็รสชาติดี แต่นาย J เค้าติตรงที่เนื้อเป็ดเปื่อยเกิน เปื่อยจนเกือบจะยุ่ยเลย แต่โดยรวมก็อยู่ในระดับที่ใช้ได้นะคะ

หมูกรอบ Roast crispy pork (12.60 €) เพื่อนๆชอบกันมาก หมูกรอบสะใจ พิมมิยะตินิดส์เดียวตรงที่ทางร้านเค้าใช้วิธีทอดค่ะ ไม่ได้เป็นหมูที่กรอบจากการย่าง/อบแต่ประการใด

หนุ่มเอ๋รีเควสท์ถ้วยนี้ Prawn dumplings in soup (9.10 €) เกี๊ยวกุ้ง น้ำซุปจืดไปนิดนึง

ข้างในเป็นกุ้งผสมด้วยหน่อไม้

ข้าวผัดหยางโจว Young Chow fried rice (9.80 €) พิมมิยะยกให้จานนี้อร่อยที่สุดในมื้อนี้ อร่อยม้ากกกกค่ะ เค้าผัดมาได้ไม่แฉะหรือมันเลย เม็ดข้าวแตกได้ที่ (ข้าวของร้านนี้อร่อยจริงๆค่ะ ขนาดสาวตันตันชมว่าข้าวสวยเปล่าๆก็ยังอร่อยเลย ฮ่า~) รสชาติก็ดีมาก โดยเฉพาะหมูแดง ตอนที่สั่งจานนี้ พนักงานถามว่าจานเดียวพอเหรอ เพราะเป็น portion สำหรับทานแค่คนเดียว ปรากฏว่าตอนมาถึงนี่จานใหญ่มาก o_O แบ่งกันได้ 5 คน

นาย J ชอบจานนี้ค่ะ หมี่กรอบราดหน้าหมูเส้น Fried noodle with sliced pork (9.80 €) แต่พิมมิยะว่าธรรมดาอะค่ะ

Chicken with lemon sauce (12.80 €) ไก่ทอดราดซอสมะนาว จานนี้พิมมิยะชอบตรงที่เค้าทอดไก่ได้อร่อยดี โดยเฉพาะแป้ง บางๆเบาๆ คล้ายๆแป้งทอดไก่คะระอะเกะอย่างงั้นเลย

จานสุดท้ายเป็นของโปรดของคุณถุง (หารับประทานยากมั่กๆ ^^") Broccoli in oyster sauce (8.80 €) บร็อคโคลี่ลวกราดด้วยซอสหอยนางรม รสชาติมาตรฐานทั่วโลก อิอิ


สรุปแล้วพิมมิยะถือว่าร้านนี้โอเคเลยนะคะ อร่อยกว่าร้านอาหารจีนหลายๆร้านในไทยซะอีก ส่วนพิกัดก็อยู่ไม่ไกลจาก Notre Dame de Paris เดินชมนกชมไม้แป๊บเดียวก็ถึงแล้วค่ะ ถ้าใครไปปารีสแล้วเบื่อๆอาหารฝรั่งก็ไปลองชิมดูละกันเนอะ :D





Mirama
17 Rue Saint-Jacques 75005 Paris

ピム宮 ~ pimmiya

Sunday 5 August 2012

Grill TENPEI

สวัสดีค่ะ วันนี้พีกลับมาประจำการอีกครั้งหลังจากห่างหายไป เพิ่งกลับจากทริปแบบสดๆร้อนๆ เรียกว่าทริปนี้ไปอาบแดดไกลถึงญี่ปุ่นเลยทีเดียว

ทริปนี้พีตะลุยคันไซกับชูโกขุ ไล่จากโอซาก้าไปจนถึงชิโมโนะเซกิ ตอนใต้สุดของเกาะฮอนชูเลย ทริปนี้ไม่เอนจอยอีตติ้งเท่าไหร่ เพราะอากาศร้อนมาก 35-36 องศาตลอด แล้วเวลาไปเที่ยวเราก็ต้องเดินเยอะกลางแดด เหงื่อแตกจนไม่รู้สึกอยากกินอะไรนอกจากน้ำเลย แต่ถ้าไม่ได้กินเลยก็คงผิดวิสัยของพี วันนี้เลยขอนำเสนอร้านอาหารเล็กๆแต่รสชาติไม่เล็กเลยในเมืองที่ใครๆก็มักจะมองข้าม เพราะมาแค่ดูปราสาทแล้วก็กลับไป เมืองที่ว่าก็คือ ฮิเมจิ (Himeji - 姫路) ยิ่งตอนนี้ปราสาทฮิเมจิกำลังซ่อมอยู่ คนอาจไม่ค่อยมาเที่ยวกัน แต่พีขอแนะนำเลยว่ามาเถอะ เมืองนี้น่ารักมาก มาดูเค้าซ่อมปราสาทก็น่าสนใจ หลายๆอย่างทำให้พีประทับใจเมืองนี้มากๆทั้งๆที่ตอนแรกจะไม่แวะด้วยซ้ำ

โม้ไปซะนาน เข้าเรื่องร้านอาหารดีกว่า ร้านนี้ชื่อ Grill TENPEI หาไม่ยากเลย เดินตรงจากสถานี JR Himeji มาปราสาทฮิเมจิ ทางขวาจะเจอเหมือน information centre ของปราสาทฮิเมจิ พอเดินเลยมาให้มองทางขวาที่เหมือนที่จอดรถไว้ ตรงนั้นจะมีตึกอยู่ เห็นร้าน Grill TENPEI ชัดแจ๋ว ร้านนี้เปิด 2 ขยัก 11.00-14.00 กับมื้อเย็น 17.00-22.00

อาหารจะเป็นแนวตะวันตก มื้อกลางวันจะมีข้าวห่อไข่ที่ค่อนข้างดังมากใน tabelog มากๆ ตอนแรกพีก็กะว่าจะกินกลางวัน แต่วันนี้มีนัดต้องเข้าไปดูเค้าซ่อมหลังคาของปราสาทฮิเมจิเลยต้องมากินเป็นมื้อเย็นแทน

ข้อเสีย(สำหรับคนไม่รู้ญี่ปุ่น)ของร้านนี้คือเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วนๆค่ะ ถ้าไม่มีความรู้และไม่ได้ทำการบ้านมา อาจจะงงไปเลย พีขอแนะนำให้ทุกคนเข้าไปในลิงค์ของ tabelog แล้วลองกูเกิ้ลทรานสเลทว่าเมนูนี้คืออะไร พอมาที่ร้านจะได้สั่งได้


มื้อนี้พีสั่ง Hamburg Steak (ハンバーグステーキ - Hambagu suteki) กับข้าว ขอบอกว่าไม่มีผิดหวังเพราะเค้าทำกันสดๆเลยค่ะ สั่งแล้วต้องรอสักครู่ จะได้ยินเสียงพ่อครัวนวดเนื้อแล้วตบให้เป็นก้อนดัง แปะ แปะ เนื้ออร่อยมากสุกแบบปานกลาง รสหวาน แล้วเดมิกลาซอสที่เค้าราดมาอร่อยมาก ไม่ธรรมดาเลย อร่อยมากเลย ร้านเล็กแต่คุณภาพคับแก้วจริงๆ

ร้านนี้เลยประทับใจพีมากที่สุดในทริปนี้เลย อิ่มใจจากตอนบ่ายแล้วยังอิ่มท้องกับความอร่อยของร้านนี้อีก ว่าแล้วก็อยากกลับไปกินอีกจังเลย (แต่คราวหน้าขอไปหน้าอื่นที่ไม่ใช่หน้าร้อนแล้วนะคะ!)

Grill TENPEI
Himeji, Hyogo, Japan



View Larger Map

Thursday 2 August 2012

Gelateria Il Brigante ジェラテリア・イル・ブリガンテ

สวัสดีค่ะ ก่อนหน้านี้นาโอะพาไปชิมข้าวอบรสชาติดีที่คามาคุระในเอนทรี่ Kamakura Kamameshi กันไปแล้ว ถัดจากของคาวก็ต้องต่อด้วยของหวานๆกันบ้าง ร้านที่พิมมิยะพาไปล้างปากในวันนี้มีชื่อว่า Gelateria Il Brigante แค่เห็นชื่อร้านก็ร้องอ๋อกันแล้วใช่มั้ยคะว่าร้านนี้เค้าขายอะไร อิอิ มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ

ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ อยู่ไม่ไกลจากร้านข้าวอบของนาโอะ ขายเจลาโต้แบบโฮมเมด ตู้ไอศครีมมีอยู่แค่ตู้เดียว แถมมีรสให้เลือกอยู่ไม่กี่รส มองดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ถ้าพิมมิยะไม่ได้หาข้อมูลไปก่อนก็คงเดินผ่านไปแล้วแหละค่ะ แต่ร้านนี้ได้รับโหวตให้เป็นร้านขายไอศครีมอันดับ 1 ของคามาคุระจากเว็บ tabelog เลยทีเดียวเชียว แปลว่าของเค้าไม่ใช่ไอติมไก่กานะเออ เลยต้องแวะอุดหนุนกันซะหน่อย:D

พิมมิยะสั่งมาเหมือนกับนาโอะและเอสซังเป๊ะเลย เป็นถ้วยเล็กรวม 2 รส (500 yen) Fior di latte (รสนม) กับ Nocciola (hazelnut) อร่อยทั้ง 2 รสเลยค่ะ ถึงขั้นที่นาโอะชมเปาะว่าอร่อยกว่า GROM ที่ญี่ปุ่นซะอีก (นาโอะเค้าคอมเมนท์ว่า GROM ต้นตำรับที่อิตาลีเริ่ดกว่าที่ญี่ปุ่นเป็นไหนๆ) เนื้อไอศครีมหนึบหนับแบบที่พิมมิยะชอบ รสชาติก็หอม มันสะใจ มีเรื่องเดียวที่ทำให้แอบเซ็งก็คือ ถ้าเราจะสั่งไอศครีมรสพิเศษที่เค้าเขียนว่าเป็น premium หรือ special เราจะต้องจ่ายตังค์เพิ่มค่ะ ทำเอาพิมมิยะเวียนเฮดตอนสั่งเป็นยิ่งนัก อย่างที่ซื้อวันนั้นก็มีแค่รสนมรสเดียวที่ไม่ต้องเสียตังค์เพิ่ม -_-" ไม่เข้าใจ ทำไมไม่ขายราคาเท่าๆกันทุกรสเหมือนร้านอื่นเนอะ

สำหรับวิธีการไปที่ร้านก็สุดแสนจะง่ายค่ะ เลี้ยวขวาออกจากหน้าร้าน KamaKama (หมุดสีม่วงใน map) เดินตรงไปนิดนึงแล้วเลี้ยวเข้าซอยแรกทางซ้ายมือ ร้านอยู่บล็อคที่ 2 ทางด้านซ้ายค่ะ (หมุดสีเหลือง) ถ้าเห็นคนขายเป็นฝาหรั่งแต่พูดญี่ปุ่นคล่องๆล่ะก็ใช่เลย :D



View Kamakura in a larger map


ピム宮 ~ pimmiya