Pages

Friday 24 May 2013

Yang Chow

สวัสดีค่ะ

วันนี้นาโอะจะมารีวิวร้านอาหารจีนค่ะ แต่ไม่ใช่ที่ประเทศจีนแต่อย่างใด เป็นร้านอาหารจีนที่ Los Angeles ค่ะ คือ ปกตินาโอะจะไม่ค่อยรีวิวพวกร้านอาหารเอเชียในประเทศแทบตะวันตก เพราะจะพยายามหาร้านอาหารท้องถิ่นที่ถูกปากมารีวิวให้คุณผู้อ่านอ่านกัน แต่ร้านนี้ถึงกับอดใจไม่เขียนถึงไม่ได้ค่ะ ไปอเมริการรอบนี้ กินร้านอาหารจีนหลายร้านมาก ทั้งร้านใหญ่ ร้านอาหารตัก ร้านเล็ก ร้านน้อย แต่ไม่มีร้านไหนอร่อยสู้ร้านนี้ได้เลยค่ะ

ร้านนี้ตั้งอยู่ใน China Town LA ค่ะ ชื่อร้าน Yang Chow หน้าร้านติดป้ายไว้ว่าขายอาหารจีนเสฉวน วันที่นาโอะไปเป็นวันเสาร์ค่ะ จริงๆ เลยมื้ออาหารมาแล้วด้วย แต่ลูกค้านั่งแน่นเต็มร้านเลยค่ะ

หน้าร้าน (ด้านข้างมีที่จอดรถค่ะ)

ด้วยอารมณ์หิวหน้ามืดค่ะ ไปกันแค่สองคน แต่สั่งอาหารมา 3 อย่าง เคยชินกับการอยู่เมืองไทย ปรากฏว่า อาหารแต่ละจาน ใหญ่มาก ทั้งสามอย่างที่สั่งมานี่ กินกัน 5 คนได้สบายๆ -*- อาหารที่่สั่งมาได้แก่ Hot and Sour soup จานนี้นึกว่าจะมาชามเล็กๆ ปรากฏว่า มาชามเบ้อเร่อเลยค่ะ แบ่งใส่ถ้วยเล็กได้ 4 ถ้วย รสชาติเข้มข้น จัดจ้านดีมาก ถ้าคุณผู้อ่านได้มีโอกาสไปทาน แนะนำว่าอย่าลืมคนนะคะ นาโอะไม่ได้คน ปรากฏว่า คำแรกเปรี้ยวจี๊ดเลย ชามนี้อร่อย 5 ดาวเลยค่ะ

Hot and Sour Soup

จานที่สอง มาพร้อมข้าว สารภาพว่า ไม่รู้ว่าจานนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร เพราะเห็นโต๊ะข้างๆ เค้าสั่งแล้วมันน่ากินมว๊าก เลยบอกพนักงานว่า เอาแบบโต๊ะข้างๆ จานนึง เนื้อหมูเป็นหมูสันในหั่นเป็นเส้นๆ ผัดกับน้ำมันหอยแบบจีน รสชาติกลมกล่อมอร่อยสุดๆ ค่ะ ยิ่งกินกับข้าวยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ จานสุดท้ายเป็นบล็อคเคอรี่ผัดกับไก่ค่ะ รู้สึกว่าเค้าจะใส่เหล้าลงไปหน่อยๆ จะมีกลิ่นฉุนๆ นิดนึงค่ะ รสชาติจะมีอมเปรี้ยวด้วย แปลกลิ้นดีค่ะ

ราคาอาหารร้านนี้จัดว่าย่อมเยาว์ค่ะ ถ้าเทียบกับร้านอาหารที่สั่งนั่งทานทั่วไป แต่ถ้าเทียบกับร้านอาหารจีนอื่นๆ ใน LA ร้านนี้ก็อาจจะจัดว่าแพงนิดนึงค่ะ

หมูผัดน้ำมันหอย

บล็อคเคอรี่ผัดไก่

ภาพรวม

ถ้าคุณผู้อ่านเบื่ออาหารฝรั่งเวลาไปเที่ยว LA ขอแนะนำร้าน Yang Chow เลยค่ะ อร่อยคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่นอนค่ะ

Yang Chow เปิดวันจันทร์ - พฤหัส และ อาทิตย์ 11:30 - 22:00 น. ส่วนวันศุกร์เปิด 11:30 - 23:00 น.ค่ะ


View Larger Map

แล้วพบกันใหม่ค่ะ
nao

Philippe the Original

สวัสดีค่ะ

แหะๆ ห่างหายจากบล็อคไปนาน ปล่อยให้พิมมิยะมาปล่อยของอยู่คนเดียว ต้องขอโทษคุณผู้อ่านที่ติดตามบล็อคของเราด้วยนะคะ (มีเปล่าหว่า)

นาโอะได้มีโอกาสไปเที่ยว USA เมื่อราวๆ ต้นเดือนมีนาที่ผ่านมา (ผ่านมาสองเดือน เพิ่งจะมาเขียนบล็อค เอิ้ก) เมืองแรกที่นาโอะไปคือ Los Angeles ค่ะ ถ้าพูดถึง LA ทุกคนก็จะต้องนึกถึง Hollywood ใช่มั้ยคะ แต่วันนี้นาโอะไม่ได้พาคุณผู้อ่านไป Hollywood แต่อย่างใด จะพาไปชมรีวิวร้าน French Dip Sandwich ต้นตำรับและโด่งดังมากๆ ใน LA ค่ะ จริงๆ อาจจะโด่งดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่ใน LA

ร้านนี้ชื่อว่า Philippe the Original ชื่อร้านก็บ่งบอกว่าของเค้าต้นตำรับจริงๆ โชคดีของนาโอะที่ร้านนี้อยู่ใกล้โรงแรมที่นาโอะพักมากๆ เดิน 20 ก้าวถึงร้าน เลยจัดไป 2 มื้อสำหรับ  French Dip Sandwich แสนอร่อย นาโอะขออธิบายคำว่า French Dip Sandwich นิดนึงสำหรับคุณผู้อ่านที่ไม่รู้จัก French Dip Sandwich เป็นแซนวิชขนมปังฝรั่งเศสค่ะ ความพิเศษค่ะ เค้าจะเอาขนมปัง Dip (จุ่ม) ลงไปในน้ำซอสรสชาติเข้มข้น เพื่อให้น้ำซอสซึมเข้าไปในเนื้อขนมปัง ปกติมักจะเป็นไส้ Roasted Beef (เนื้อย่าง) ค่ะ โดยเนื้อของเค้าก็จะนำไปหมักในน้ำซอสด้วยเช่นกัน แต่ร้าน Philippe มีให้เลือกหลายไส้ค่ะ (ไม่รู้จะใช้คำอะไรนอกจากคำว่า ไส้ -*-)

วันแรกที่ไปถึง LA ยังไม่ได้มีโอกาสลองชิมค่ะ (สลบเหมือดอยู่ในโรงแรมเพราะ Jetlag) ได้มาลองมื้อดึกมาก (เกือบ 4 ทุ่ม) ในวันที่ 2 ของการอยู่ LA เข้าไปในร้าน ไม่ค่อยมีลูกค้าแล้วค่ะ ร้านเค้ากำลังจะปิดละ ถ้าเป็นตอนกลางวัน คนจะต่อแถวยาวมากกก ทะลุออกมานอกร้านเลยทีเดียว ถ้าคุณผู้อ่านไม่อยากรอนาน แนะนำให้ไปช่วงเช้ามากกับดึกมากค่ะ แหะๆ

เคาน์เตอร์สั่งอาหาร


สลัดต่างๆ สั่งเป็น side dish

นาโอะกับคุณผู้ชายแค่อยากลิ้มลองรสชาติค่ะ เนื่องจากมันดึกมากแล้วเราก็ไม่อยากจะเพิ่มแคลอรี่ให้กับร่างกายมากนัก เลยสั่ง 1 ชิ้นแล้วมาแบ่งกัน ชิ้นนี้เป็นแซนวิชหมู (Pork Sandwich) ราคา $6.5 บวกกับสลัดมันบด และน้ำมะนาว (ขออภัยค่ะ ลืมราคา) แซนวิชชิ้นนี้นาโอะสั่งว่าขอ Double Dip ด้วย นั่นคือ ให้จุ่มในน้ำซอส 2 รอบค่ะ รสชาติจะได้เข้มข้น

Pork Sandwich & Potato Salad

Lemonade

กัดไปคำแรก ถึงกับร้อง อื้อหือ อร่อยมากค่ะ เนื้อขนมปังนุ่มเหงือกมาก (ปกติใช้ฟันหน้ากัดไม่ได้ เพราะช่วงนี้จัดฟันอยู่)  น้ำซอสที่ชุ่มฉ่ำในเนื้อขนมปังรสชาติอร่อยมาก เนื้อหมูที่ต้มในน้ำซอสก็อร่อยมาก เนื้อนุ่ม แทบจะเรียกได้ว่าเละ สรุป อร่อยสุดๆ ค่ะ แต่คุณผู้ชายบอกว่า จุ่มน้ำซอส 2 ครั้งมันเค็มไปหน่อย (พอดีนาโอะทานเค็มเลยชอบมว๊ากกก) ส่วนสลัดมันฝรั่ง ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ อาจจะเพราะหอมใหญ่เยอะไปนิด นาโอะไม่ค่อยชอบอะค่ะ

เช้าวันรุ่งขึ้น ต้องเตรียมตัวนั่งรถไปเมืองอื่น เราเลยถือโอกาสซื้อแซนวิชมาทานเป็นอาหารเช้าอีกมื้อนึงค่ะ แต่คราวนี้นาโอะสั่ง Ham Sandwich ส่วนคุณผู้ชายสั่ง Beef Sandwich ค่ะ ทั้งสองชิ้นเป็น Single Dip ค่ะ กลัวเค็มเกินไป เพราะไม่ได้ทานทันที คุณผู้ชายบอกว่าแซนวิชเนื้ออร่อยมากค่ะ ส่วนแซนวิชแฮมของนาโอะก็อร่อยมากเช่นกัน สรุป อร่อยทุกไส้เลยยยย

ถุงใส่แซนวิช

Ham Sandwich

ถ้าคุณผู้อ่านมีโอกาสไปเยือน LA อย่าลืมไปทานร้านนี้นะคะ ไม่อยากให้พลาดด้วยประการทั้งปวง ร้านนี้เปิด 6 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มทุกวัน ไม่มีวันหยุด แต่ขอเตือนนิดนะคะว่าถ้าไปช่วงจังหวะมื้ออาหาร อาจจะต้องรอคิวนานมากถึงมากที่สุด เพราะของเค้าฮิตจริงๆ ค่ะ

ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจาก Union Station และไม่ไกลจาก China Town LA ค่ะ


View Larger Map

แล้วพบกันใหม่ค่ะ
nao

Saturday 18 May 2013

Isomarusuisan 磯丸水産

สวัสดีค่ะ และแล้วก็มาถึงเอนทรี่ที่ 100 ของบล็อก foodpassports ไม่น่าเชื่อว่าพวกเราจะรีวิวร้านมาได้เยอะขนาดนี้แล้ว ต้องขอขอบคุณทุกคนที่แวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมและคอมเมนท์กัน มันทำให้เรามีกำลังใจในการเขียนบล็อกต่อไปอีกเยอะเลย :D

สำหรับเอนทรี่นี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอกค่ะ (เอนทรี่พิเศษต้องรอปลายปีตอนบล็อกครบรอบ 2 ขวบนู่นแน่ะ แต่จะเป็นอะไร โปรดติดตามต่อไป ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลย หุหุ) วันนี้พิมมิยะจะพาไปทานซีฟู้ดปิ้งย่างร้านโปรดที่ย่านอุเอโนะกันนะคะ

ร้าน Isomarusuisan เป็นร้านแนว Izakaya ที่เปิดตลอด 24 ชม. มีหลายสาขาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแถว Shinjuku, Shibuya, Ikebukuro, Chiba ฯลฯ แต่พิมมิยะเคยทานที่สาขา Ueno ที่เดียวค่ะ ร้านนี้เจอโดยบังเอิญจากการสำรวจตลาด Ameyoko ตอนเย็นๆแล้วพบว่าคนแน่นร้านม้าก สันนิษฐานว่าต้องอร่อยแน่ๆ พวกเราเลยไปต่อคิวชิมกะเค้ามั่ง ปรากฏว่าถูกอกถูกใจที่บ้านจนต้องจัดซ้ำไปถึง 3 รอบในทริปนั้น 


หน้าร้านสาขา Ueno

วิธีไปร้านก็ไม่ยากเลย จากสถานี JR Ueno (หมุด A ตามแผนที่ข้างล่าง) เลือกออกได้ทั้ง central หรือ Hirokouji exit จะมาโผล่ตรงไฟแดงตรงข้ามตึก Marui (ตึกที่ป้ายเขียนว่า OlOl) จากนั้นให้ข้ามถนนมาทางฟากตึก Marui แล้วเดินเข้าซอยที่อยู่ทางขวาของตึก (ให้หันหน้าเข้าหาตึกนะคะ) เดินเข้าไปเรื่อยๆ ขวามือจะเป็นร้านปาจิงโกะ พอมาถึงแยกแรกก็จะเห็นร้าน Isomarusuisan อยู่ทางซ้ายมือแล้วค่ะ (หมุด B) 




เมนูยอดฮิตของร้าน

อาหารที่เคยสั่งก็มีแค่ไม่กี่อย่างค่ะ ไปกี่ครั้งก็สั่งเหมือนเดิม เพราะว่าที่บ้านชอบทานอะไรซ้ำซาก ฮ่า~ 

ที่แนะนำสุดๆคือตระกูลซีฟู้ดปิ้งย่างนะคะ สมแล้วที่เป็นร้าน Izakaya ต้องครบเครื่องทั้งเหล้ายาปลาปิ้ง ไม่ว่าจะหอยเผา ปลาย่าง ปลาหมึกย่าง อร่อยทุกอย่างเลย อันที่พิมมิยะชอบมากคือปลาหมึกย่าง เนื้อหวาน นุ่มสุดๆ หาความเหนียวไม่เจอเลย ทางร้านให้ย่างทั้งตัว พอสุกแล้วเอากรรไกรตัดแบ่ง เวลาทานก็จิ้มกับโชยุ แค่นี้ก็อร่อยแล้วค่ะ ไม่ต้องง้อน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบบ้านเราก็ยังอร่อย รสหวานแบบธรรมชาติจริงๆ 



อาหารที่พิมมิยะชอบมากที่สุดในร้านเป็นมันปูย่าง (ทางขวาสุดของรูปด้านบน ที่เป็นกระดองปู) เวลาสั่งให้ชี้รูปในเมนู หรือบอกเค้าว่า Kanimiso พนักงานก็เข้าใจแล้วค่ะ ร้านเค้าจะผสมมันปูกับเนื้อปู ปรุงรสนิดหน่อยให้อร่อย แล้วเอาไปเทใส่กระดองปู เวลาจะทานก็เอามาวางบนเตาทั้งกระดองนี่แหละแล้วเอาตะเกียบคนๆระหว่างที่ย่างอยู่เพื่อป้องกันไม่ให้มันปูไหม้ พอสุกก็ทานได้ค่ะ เมนูนี้หวาน หอม มันสะใจคนชอบมันปูจริงๆ ใครชอบมันปูอย่าได้พลาดเชียวนะคะ ที่จริงในกทม.ก็มี Izakaya หลายร้านที่มีมันปูย่าง แต่ที่เคยทานไม่อร่อยเท่าของร้านนี้เลย โฮ~ คิดถึงโตเกียว T^T


สลัดปลาดิบรวม (Sashimi salada) จานนี้เฉยๆค่ะ สั่งมาเพราะอยากได้ไฟเบอร์บ้างอะไรบ้างเท่านั้นเอง



ช่วงที่ไปเป็นเดือนต.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ปลาซัมมะ (さんま - samma) อร่อยที่สุดในรอบปี ทางร้านก็เลยมีเมนูพิเศษเป็นซาชิมิปลาซัมมะ ซูชิปลาซัมมะ ฯลฯ ก็เลยลองสั่งแบบซาชิมิมาทาน อร่อยมากค่ะ เนื้อหวานๆมันๆ ถูกใจจริงๆ ปลาซัมมะดิบถ้าไม่สดจะคาวมาก แต่ของร้านนี้สดดีแท้ แล้วก็มีปลาซัมมะย่างเกลือ (Samma shioyaki) จานนี้รู้สึกว่าทางร้านมีขายตลอดทั้งปีอยู่แล้ว แต่ตอนที่พวกเราไปนี่ยิ่งอร่อยเพราะเป็นฤดูกาลที่ปลาซัมมะเนื้อหวานมันที่สุด โชคดีจัง จานนี้ที่บ้านก็ชอบกันค่ะ :D 



ส่วนอาหารพวก sushi แล้วก็ข้าวหน้าปลาดิบทั้งหลายนี่ไม่แนะนำให้สั่งที่ร้านนี้ค่ะ เพราะให้ข้าวเยอะเกินเลยทำให้ไม่อร่อย ไปทานตามร้านที่ขายซูชิโดยเฉพาะจะดีกว่านะคะ 

โดยรวมแล้วร้านนี้อาหารพวกซีฟู้ดปิ้งย่างเค้าอร่อย ราคาก็ไม่แพง เหมาะกับคณะที่ไปกันหลายๆคน โดยเฉพาะเวลาย่างไปเมาท์ไปนี่เพลิดเพลินมาก ใครที่ชอบอาหารแนวนี้อยู่แล้วก็อยากให้ไปลองดูว่าคนญี่ปุ่นเค้าทานยังไงกัน อร่อยและสนุกดีไม่หยอกค่ะ :D

ピム宮 ~ pimmiya 

Friday 17 May 2013

Ng Ah Sio Pork Ribs Soup Eating House

สวัสดีค่า เอนทรี่นี้ก็ถึงคิวบักกุ๊ดเต๋ร้านดังของสิงคโปร์ Ng Ah Sio Pork Ribs Soup Eating House ที่พิมมิยะมีโอกาสได้ไปชิมไม่นานมานี้ ร้านนี้เค้ามีหลายสาขาด้วยกัน รวมทั้งที่ Marina Bay Sands ด้วย แต่แว่วมาว่าสาขาอื่นอร่อยสู้สาขาแม่ไม่ได้ งานนี้พิมมิยะเลยต้องเดินทางเกือบค่อนเกาะจากแถวๆสนามบินเพื่อมาทานบักกุ๊ดเต๋ถึงสาขาแม่ที่ถนน Rangoon 

วันนั้นนั่ง MRT ไปลงที่สถานี Farrer Park เลือกออก exit A ค่ะ พอออกมาจากสถานีแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน Rangoon จากนั้นเดินตรงไป ข้ามถนน Tessensohn ตามด้วย Sing Avenue พอข้ามไปหน่อยนึงจะเห็นร้านคู่แข่งอย่าง Founders Bak Kut Teh อยู่ทางขวามือ (สงสัยจริ๊งว่าจะมาเปิดแข่งกันทำไม) เดินเลยไปอีกไม่ไกลมากก็ถึงร้านแล้วค่ะ 


ดูในแผนที่ข้างล่างกันเลยนะคะ จากทางออก A ของสถานี (หมุด A ในรูป) เดินไปจนถึงร้าน (หมุด B) ระยะทางน่าจะซักครึ่งกิโลได้ค่ะ แต่ที่เซ็งก็คือวันที่พิมมิยะไปนี่ร้อนสุดยอด เล่นเอาเหงื่อท่วมร่างเลยทีเดียว


หรือถ้าจะออก exit B (แผนที่ด้านล่าง) ก็จะมาโผล่ที่ Tessensohn Road และต้องเลี้ยวซ้ายเดินย้อนมาที่สี่แยกที่ตัดกับถนน Rangoon อีกทีนึง



ถึงร้านแล้วค่า~



บรรยากาศในร้านช่วงบ่ายวันธรรมดา คนไม่แน่นมาก พิมมิยะเลยโชคดีได้ยึดครองโต๊ะใหญ่ๆแต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องมานั่งแทะซี่โครงหมูโชว์คนอื่น ฮ่า~



เมนูมีรูปประกอบพร้อมราคา สั่งไม่ยากเลยค่ะ เวลาสั่งเค้าจะมีใบสั่งมาให้เราติ๊กๆๆๆลงไป



อันนี้เป็นเมนูเครื่องดื่ม พิมมิยะเลือกน้ำหล่อฮั้งก้วยมาดื่มแก้ช้ำใจ เอ๊ย ช้ำในหน่อยค่ะ สะบักสะบอมเต็มทน



ประเดี๋ยวเดียวน้ำหล่อฮั้งก้วยก็มาค่ะ (home-made Luo Han herbal tea; SGD $2.00) หอม หวาน เย็นชื่นใจ คลายร้อนไปได้หน่อย



ตามติดมาด้วย Signature spare ribs soup (SGD $8.0 - ชามนึงได้ซี่โครงมา 2 ท่อน) กับ Blanched pig liver (SGD $5.50) สำหรับผู้หิวโหยอย่างพิมมิยะ เพราะบ่ายแก่ๆแล้ว เพิ่งจะได้ทานมื้อเที่ยงกะเค้า มาพร้อมข้าวถ้วยเล็ก (SGD $0.50) งานนี้เน้นกับ ไม่เน้นข้าวเหมือนเคยค่ะ อิอิ



spare rib นี่ท่อนยาวดีแท้ค่ะ ประมาณเกือบๆคืบนึงน่าจะได้ ยาวซะจนต้องใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาแทะด้วยความทุลักทุเล บางทีก็ทิ่มเหงือกซะเจ็บ สุดท้ายเลยใช้มือแทนซะเลย ฮ่า~ อย่าได้แคร์ผู้ใด (แต่ถ้าไปกะหนุ่มๆนี่คงเสียกิริยามิใช่น้อย) ตัวซี่โครงเค้าเคี่ยวมาเปื่อยกำลังดี อร่อยค่ะ ที่จริงร้านนี้เค้ามีชื่อเสียงตรงที่น้ำซุปเป็นสไตล์เผ็ดพริกไทย ประกอบกับกระเทียมหัวเป้งๆเต็มชาม งานนี้ใครชอบกระเทียม/พริกไทยก็คงจะปลื้มกันสุดๆล่ะค่ะ ที่สำคัญคือสามารถขอเค้าเติมน้ำซุปเพิ่มได้ฟรีๆ แต่พิมมิยะไม่ทันจะร้องขอ คุณลุงพนักงานก็เดินมาเติมให้ก่อนเลยค่ะ น่ารักจัง :D

มาดูตับกันมั่ง ตับของร้านนี้นุ่มมากๆเลยค่ะ หรอยจังฮู้~ มีผักกาดแก้วรองอยู่ข้างล่างด้วย เสียแต่น้ำแกงของชามนี้จืดเกิ๊น กลับไปซดน้ำแกงของชามซี่โครงหมูต่อดีกว่า



มื้อนั้นก็เป็นอีกหนึ่งมื้อที่อิ่มอกอิ่มใจ (และอิ่มท้อง) เพราะได้ทานของอร่อย แอบเสียดายนิดนึงตรงที่ไม่มีโอกาสลองบักกุ๊ดเต๋ของร้านคู่แข่งอย่าง Founders Bak Kut Teh แต่เค้าว่าน้ำซุปของ Founders รสออกหวานหน่อย พิมมิยะเลยประเมินว่าตัวเองน่าจะชอบรสชาติเผ็ดพริกไทยแบบ Ng Ah Sio มากกว่า ก็เลยเลือกร้านนี้ ใครมีโอกาสได้ลองทั้ง 2 ร้านแล้วก็ช่วยเล่าให้ฟังบ้างนะคะ เผื่อมีโอกาส พิมมิยะจะได้ตามไปชิมมั่ง :D

Ng Ah Sio Pork Ribs Soup Eating House 
208 Rangoon Road Singapore
Tue - Sun: 7 am - 10 pm
Closed on Monday

ピム宮 ~ pimmiya

Sunday 5 May 2013

Shizuka しづか

สวัสดีค่ะ ห่างหายจากการอัพบล็อกไปซะนาน พอมีเวลาว่างช่วงวันหยุดยาวอย่างนี้พิมมิยะก็ขอปัดฝุ่นเอาร้านในกรุขึ้นมารีวิวพอหอมปากหอมคอกันหน่อยนะคะ วันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านไปที่เมือง Matsumoto ในจังหวัด Nagano ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างปราสาทมัตสึโมโต้ (Matsumotojo) ที่เป็นหนึ่งในปราสาทโบราณที่ยังมีอยู่ในญี่ปุ่น หาใช่ปราสาทที่สร้างขึ้นใหม่เลียนแบบของเก่าแต่อย่างใด (อย่างปราสาทโอซาก้านี่เป็นของที่สร้างใหม่ค่ะ)

วันนั้นพวกเราก็เดินด๊อกแด๊กถ่ายรูปตามรายทางจากสถานี JR Matsumoto ไปจนถึงปราสาท นับว่าปราสาทอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆจากสถานีค่ะ ติแค่อากาศวันนั้นร้อนมว้ากกกก ลมแทบจับ

พอชมปราสาทกันเสร็จ พวกเราก็เดินออกทางเดียวกับขามา (ทางออกที่ 7 เป็นสามแยกไฟแดงชื่อ Matsumotojo ชื่อเดียวกับปราสาทนั่นเองค่ะ) ยืนอยู่ตรงสามแยกจะเห็น Family Mart ทางซ้ายมือ เลี้ยวซ้ายไปทางนั้นเลยค่ะ ถัดจากแฟมิลี่มาร์ทไป 2 บล็อคก็จะเจอร้านที่จะพาไปชิมกันแล้ว :D

ป้ายหน้าร้าน มองเห็นแต่ไกล


เข้าไปใกล้ๆอีกนิดนะคะ


ร้าน Shizuka เค้ารับประกันความอร่อยมาหลายสิบปีเพราะตอนนี้ก็ปาเข้าไปเจนเนอเรชั่นที่ 3 แล้ว ช่วงเที่ยง-บ่าย 2 โมงมีเซตอาหารกลางวันตามเมนูข้างล่าง ส่วนกลางคืนมีขายทั้ง oden, yakitori, tonkatsu ไปจนถึง sashimi เลยทีเดียว แต่ราคาแพงกว่ากันแยะค่ะ มาทานมื้อกลางวันแบบพวกเราคุ้มกว่า หุหุ..


คุณป้าเจ้าของร้านกำลังย่างไก่อยู่หลังเคาน์เตอร์ ข้างๆเตาเป็นหม้อโอเด้งที่พิมมิยะไม่ได้ถ่ายรูปมา


พิมมิยะสั่งเซตโอเด้ง (Oden teishoku; 840 yen) เห็นแล้วน้ำลายไหลเลย ในรีวิวของคนญี่ปุ่นเห็นเชียร์โอเด้งร้านนี้กันเหลือเกิน จะพลาดได้ไงล่ะคะ :D


ให้มาเยอะมากๆๆๆ คุ้มจริงๆ


ในชามก็มีทั้งเต้าหู้ ไข่ต้ม คอนยัคกุ ฯลฯ แต่ชิ้นที่พิมมิยะชอบมากที่สุดคืออันสีขาวๆนี้ค่ะ เป็นลูกชิ้นปลาที่อร่อยม้ากมาก ฟูๆนุ่มๆเหมือนฟองน้ำเลย ส่วนน้ำซุปของร้านนี้ก็รสชาติกลมกล่อม ซดโฮกกันจนหมดชาม (ถ้าเป็นหน้าหนาว ได้ซุปร้อนๆแบบนี้ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมค่ะ) ต่างจากโอเด้งที่ขายตามร้านสะดวกซื้อ อันนั้นน้ำแกงจืดสนิท -_-" แต่ถ้าจะถามว่าสู้โอเด้งของ Musubi Mura ร้านโปรดของนาโอะที่ฟุกุโอกะได้รึเปล่า คงต้องรอนางมาตอบแล้วแหละค่ะ


อีกอย่างที่พิมมิยะชอบก็คือซุปเต้าเจี้ยวของร้านนี้ เข้มข้นสะใจมากค่ะ ถึงแม้จะเค็มไปหน่อยนึงก็ตาม

ส่วนเซตที่นาโอะสั่งเป็นเซตข้าวหน้าไก่ย่าง (Yakitori-don teishoku) ราคา 840 yen เท่ากัน ไก่นุ่มดี รสชาติของซอสที่ทาไก่ก็อร่อยทีเดียว แต่นาโอะทานไปบ่่นไป เพราะเค้าย่างได้เกรียมมากค่ะ ต้องมาเขี่ยส่วนที่ไหม้ทิ้ง ขอตั้งชื่อให้จานนี้ว่า ไก่มะเร็ง แทนละกันนะคะ เหอๆ เห็นแล้วแอบกลัว ^^"


สรุปแล้วโอเด้งร้านนี้ถือเป็นไฮไลท์ของวันนั้นเลย ของเค้าอร่อยจริงค่ะ พิมมิยะปลาบปลื้มมาก ราคาก็ไม่แพง แถมทำเลยังอยู่ใกล้ปราสาทมัตสึโมโต้ ถ้าใครมีโอกาสไปเมืองนี้ ชมปราสาทเสร็จก็อย่าลืมไปชิมโอเด้งกันนะคะ :D



ピム宮 ~ pimmiya